ประเพณีแปลกๆ ทั่วโลกเกี่ยวกับการแต่งงาน (ตอนที่ 1: เกาะบอร์เนียว)

ประเพณีแปลกๆ ทั่วโลกเกี่ยวกับการแต่งงาน (ตอนที่ 1: เกาะบอร์เนียว)

ประเพณีนี้มีอยู่ในชุมชน Tidong ในหมู่บ้านเล็กๆ ใกล้กับรัฐซาบาห์ ทางตอนเหนือของเกาะบอร์เนียว เค้ามีกฎว่า ห้ามคู่แต่งงานใหม่ปัสสาวะและอุจจาระเป็นเวลา 72 ชั่วโมง (หรือ 3 วัน) เค้าจะให้อาหารเพียงเล็กน้อย เพื่อนและครอบครัวก็จะจับตามองอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าคู่บ่าวสาวจะไม่แอบไปเข้าห้องน้ำ เค้าเชื่อกันว่า ถ้าคู่ไหนละเมิดธรรมเนียมเก่าแก่นี้ จะต้องเผชิญกับโชคร้ายอย่างรุนแรง การแต่งงานก็จะมีเคราะห์ หรือถ้ามีลูกก็จะเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็กๆ

.. ท่าทางว่า เคราะห์ร้ายจะเกิดขึ้นในช่วง 3 วันนั้นมากกว่า … ปวดแต่เข้าไม่ได้ ทรมานสุดๆ อิอิ ..

Strange foods

ตอนที่อ่านเจอเรื่องนี้ก็เห็นหัวข้อน่าสนใจดี ด้วยความที่ชอบกินอยู่แล้ว เลยลองอ่านดูซะหน่อยซิ๊ มีอะไรแปลกๆ น่าลองมั่ง .. แต่ .. อ่านไปแล้วปรากฏว่า..กลายเป็นหนังสยองขวัญไป ไม่มีอะไรน่ากินเลยซักอย่าง ขอเตือนไว้ก่อนเลย เรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนใจเสาะ ถ้าทำใจได้แล้วก็มาดูกันเลยดีกว่า

7 อาหารแปลกจากทั่วโลก

ว่ากันว่าขยะของคนๆ หนึ่งอาจเป็นสมบัติสำหรับอีกคน และคำพูดทำนองเดียวกันนี้ก็สามารถนำมาใช้ได้กับเรื่องอาหาร เพราะของกินสุดแหยะของใครบางคนก็อาจเป็นของอร่อยสำหรับใครสักคนได้เช่นกัน เชิญพบกับ 7 สุดยอดอาหารแปลกจากทั่วโลกที่เรายินดีนำเสนอ

7. ร็อคกี้ เมาน์เท่น ออยสเตอร์ (Rocky Mountain Oyster)
คุณคงสงสัยว่า Oyster แปลกตรงไหน? คำตอบน่าจะอยู่ที่ Oyster ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงหอยนางรม แต่เป็นชื่อที่ใช้เรียกอัณฑะทอดกรอบของกระบือ วัว หรือหมูป่า จานเด็ดที่มีนามว่า ร็อคกี้ เมาน์เท่น ออยสเตอร์ นี้ (หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Prairie Oysters) เป็นที่รู้จักกันดีและได้รับความนิยมในแถบที่มีการทำฟาร์มปศุสัตว์กันอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา พวกเขาจะลอกผิวหนังด้านนอกของอัณฑะออก เสร็จแล้วนำไปต้มและผสมกับแป้ง จากนั้นก็ทอด โดยปกติ จะเสิร์ฟพร้อมราดด้วยซอสค็อคเทล

6. อูฐยัดไส้ (Stuffed Camel)
สูตรการทำอูฐยัดไส้นั้นอาจจะฟังแล้วดูเหมือนตลกร้าย เพราะมีส่วนผสม ประกอบไปด้วย อูฐหนึ่งตัว ลูกแกะ หนึ่งตัว และไก่ 20 ตัว หนังสือกินเนสส์บุ๊คถึงกับต้องบันทึกไว้ว่า นี่เป็นเมนูอาหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีตัวอย่างแน่ชัดว่าจานเด็ดชนิดนี้มีอยู่จริงหรือไม่ ตำนานกล่าวไว้ว่าอูฐยัดไส้เป็นอาหารดั้งเดิมของชาวอาหรับที่ใช้ชีวิตท่องไปตามทะเลทราย โดยมีวิธีการปรุงไม่ต่างจากการทำตุ๊กตารัสเซียนัก เริ่มแรก พวกเขาจะนำไก่มายัดไส้ด้วยข้าวและไข่ จากนั้น เอาไก่ทั้งตัวไปใส่ไว้ในลูกแกะ แล้วก็เอาลูกแกะทั้งตัวที่ยัดไส้ไก่ไปใส่ไว้ในอูฐอีกที หลังจากนั้น ก็นำไปย่างจนกระทั่งสุกและรับประทาน ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ ปริมาณอาหารที่ได้จากอูฐยัดไส้ก็ทำให้มันสมควรได้รับการจัดลำดับอยู่ในลิสท์ของเรา

5. ฮะคาว (Hakarl)
Anthony Bourdain เป็นที่รู้จักในฐานะสุดยอดนักทานอาหารแปลกของโลก กล่าวไว้ว่า ฮะคาวเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดเท่าที่เขาเคยรับประทานมา มันเป็นอาหารของชาวไอซ์แลนด์และเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นรุนแรงของแอมโมเนีย ทำมาจากเนื้อฉลามกรีนแลนด์หรือฉลามบาสคิงที่ถูกควักเครื่องในออก จากนั้น ก็นำมาหมักเป็นเวลา 2-4 เดือน คุณสามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าในประเทศไอซ์แลนด์ตลอดทั้งปี ปกติแล้ว มักจะเสิร์ฟโดยหั่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเสียบบนไม้จิ้มฟัน

4. ฟูกุ (Fugu)
ฟูกุ เป็นคำในภาษาญี่ปุ่นที่ใช้เรียกปลาปักเป้า โดยปลาชนิดนี้มีสารพิษเตโตรโดท็อกซิน (tetrodotoxin) ในปริมาณมากพอที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องขอบอกไว้เลยว่า พ่อครัวที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ 2-3 ปีและได้รับประกาศนียบัตรแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถนำปลาชนิดนี้มาปรุงอาหารได้ พ่อครัวบางคนเลือกที่จะให้เหลือพิษของปลาปักเป้าไว้เล็กน้อยในเนื้อเพื่อสร้างความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ลิ้นและริมฝีปาก เนื่องจากจริงๆแล้ว เนื้อของมันไม่ค่อยมีรสชาติ บางทีจุดเด่นของฟูกุน่าจะอยู่ที่ความตื่นเต้นจากการได้รับประทานแล้วรอดชีวิตมาได้ มากกว่าจะอยู่ตรงรสชาติที่แท้จริงของเนื้อปลา

3. คาสุ มาร์ซู (Casu Marzu)
คาสุ มาร์ซู มีต้นกำเนิดจากเมืองซาร์ดิเนียในอิตาลี โดยเป็นเนยแข็งที่หนอนตัวอ่อนใช้เป็นที่อยู่อาศัย พวกมันถูกใส่เข้าไปในเนยแข็งอย่างจงใจเพื่อเพิ่มระดับการหมักให้สูงขึ้นจนถึงจุดที่ไขมันของเนยแข็งแตกตัว หนอนที่เล็กและโปร่งแสงนี้กระโดดได้สูงถึงครึ่งฟุตหากถูกรบกวน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายๆคนจะจัดการเอาเจ้าตัวอ่อนพวกนี้ออกไปให้หมด ก่อนจะลิ้มลองเนยแข็งกลิ่นรุนแรงนี้แบบเต็มๆคำ

2. ซานนาคจิ (Sannakji)
ปัจจุบันนี้ เมื่อซาชิมิและซูชิสามารถหารับประทานได้จากทั่วโลก การกินอาหารทะเลแบบดิบๆ จึงไม่ถือว่าเป็นความท้าทายอีกต่อไป อย่างไรก็ดี จานเด็ดของชาวเกาหลีอย่าง ซานนาคจิ (Sannakji) ก็เป็นอะไรที่แตกต่างเพราะงานนี้คุณจะได้กินสัตว์ทะเลที่ยังไม่ตาย กรรมวิธีเริ่มต้นด้วยการนำลูกปลาหมึกเป็นๆ มาแล่ออกเป็นชิ้นเล็กๆ และปรุงรสด้วยน้ำมันงา หนวดของปลาหมึกยังคงดิ้นกระดุกกระดิกขณะที่ถูกนำมาเสิร์ฟ เพราะงั้น ถ้าคุณเคี้ยวไม่ระวัง มันก็อาจไปติดที่ปากและคอหอยได้ ขอแนะนำว่าเมนูนี้ไม่เหมะกับนักชิมที่ใจเสาะ

1. ไข่บาลุท (Balut)
ดูท่าว่าไข่บาลุท (Balut) จะเป็นขาประจำที่มีชื่อติดอยู่ทุกครั้งเมื่อมีการจัดอันดับสุดยอดอาหารแปลก แถมมักจะรั้งเบอร์หนึ่งได้อยู่บ่อยๆ เสียด้วย แม้จะไม่ได้ขยับไปมาให้เห็นอย่างปลาหมึกเป็นๆ ของจานเด็ดชาวเกาหลี แต่ไข่ของเป็ดและไก่ที่ถูกนำมาต้มโดยภายในบรรจุไว้ด้วยตัวอ่อนเกือบเต็มวัยนั้น ก็นับว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่แปลกที่สุดของโลกได้อย่างไม่ต้องสงสัย ไข่บาลุทพบเห็นได้ทั่วไปในฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเวียดนาม โดยหาซื้อได้ตามท้องถนน ว่ากันว่ารสชาติของไข่บาลุทเหมือนกับไข่และเป็ด (หรือไก่) ทำเอาหลายๆคนพากันแปลกใจว่าทำไมอาหารที่ดูสุดจะประหลาดนี้จึงมีรสชาติแสนจะธรรมดาเสียเหลือเกิน ที่สุดแล้วแม้รูปลักษณ์จะดูน่าขยะแขยงเพียงไร แต่รสชาติก็คือไก่ดีๆ นี่เอง

First Class

เรื่องนี้อ่านเจอจาก e-newsletter ของบริษัทหนึ่ง แปลกดีแฮะมีเทคนิคมาแนะนำให้อัพเกรดที่นั่งเป็น first class ด้วย ใครเคยลองมั่งป่ะ ใช้ได้จริงๆ หรอ ?? ถ้าใครอ่านแล้วไปลองใช้ได้ผลก็มาบอกกันบ้างนะ อิอิ


เจาะลึกเบื้องหลัง: การอัพเกรดตั๋วเครื่องบินเป็นชั้นเฟิร์สท์คลาส


สิ่งแรกที่ต้องถามตัวเอง คือ คุณอยากอัพเกรดจริงๆหรือ? คิดให้ละเอียดถี่ถ้วน เพราะเมื่อคุณได้ลองสัมผัสกับอะไรที่ดีๆ แล้ว บอกได้เลยว่าเป็นเรื่องยากเอาการที่จะกลับไปหาชีวิตแบบเดิมๆ แต่หากคุณยืนยันอยากจะลองอัพเกรดแบบฟรีๆ ดูล่ะก็ นี่เป็นคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ จากเรา


1. แต่งตัวให้เรียบหรูดูเท่ เรารู้ดีว่าการใส่กางเกงผ้าแบบยางยืดและเสื้อแบบมีฮู้ดนั้นสบายแค่ไหนในการบินระยะไกล แต่ก็ต้องจำไว้ด้วยว่า สายการบินต้องการให้ผู้ที่นั่งในชั้นเฟิร์สท์คลาสดูเป็นผู้ดีมีระดับ ดังนั้น แต่งตัวให้ถูกกาละเทศะและเก็บกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดแพ็คใส่กระเป๋าไว้

2. สอบถามข้อมูล ง่ายๆ ใช่ไหมล่ะครับ และส่วนมากแล้วคุณมักจะได้รับคำตอบว่า “ไม่ได้ค่ะ/ครับ” แต่ถ้าเกิดกรณีที่มีคนจองตั๋วเข้ามามากและที่นั่งก็เหลือแต่ชั้นเฟิร์สท์คลาส คุณคงอยากจะอยู่ในรายชื่อแรกๆ เมื่อพวกเขามองหาผู้โดยสารที่ต้องการย้ายที่นั่ง
3. ใช้ประโยชน์จากโอกาสพิเศษ หากวันนั้นตรงกับวันเกิด วันฮันนีมูน หรือวันครบรอบอะไรสักอย่างของคุณ อย่าลืมบอกกับพนักงานจองตั๋วโดยสาร บางทีคุณอาจมีโชคได้เจอกับตอนที่พวกเขากำลังอารมณ์ดีและพร้อมดำเนินการให้คุณ (แม้ว่าอารมณ์ดีจะเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากก็ตาม)

4. สมัครเป็นสมาชิกที่บินเป็นประจำกับสายการบิน ปกติแล้ว สามารถสมัครได้ฟรีและสายการบินก็จะมีรางวัลเป็นของตอบแทนให้แก่ลูกค้า

5. ยิ้มแย้มเข้าไว้ แล้วคุณจะทึ่งว่ารอยยิ้มช่วยได้มากแค่ไหน ยิ้มแย้มกับพนักงานทุกคนที่คุณได้คุยด้วยและพยายามทำความรู้จักไว้ (อย่าเดินตามหรือก่อความรำคาญให้พวกเขา แค่พูดคุยอย่างสุภาพ) หากคุณสร้างความประทับใจได้ พวกเขาจะนึกถึงคุณเมื่อเวลานั้นมาถึง


 

Canon Photo Marathon Thailand 2008

เอาข่าวมาฝากสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป มีงานประกวดภาพถ่ายของ Canon น่าหนุกดี ปีที่แล้วเพื่อนก็ไปร่วมงานนี้มา บอกว่าหนุก ปีนี้มันก็จะไปอีก

ชื่องาน Canon Photo Marathon Thailand 2008

ดูแล้วเป็นการประกวดภาพถ่ายแบบใช้หัวคิดมากกว่า ฝีมือการถ่ายภาพไม่ได้เน้นมากเท่าไอเดีย
ในวันประกวด (วันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2551) ผู้เข้าประกวดทุกคนก็จะได้รับมอบหมายหัวข้อในการถ่ายภาพ 3 หัวข้อ ผู้เข้าประกวดจะมีเวลาในการถ่ายภาพหัวข้อละไม่เกิน 3 ชั่วโมง และต้องกลับมาที่สถานที่จัดการแข่งขัน (ดิ เอสพลานาด รัชดา) พร้อมกับรูปภาพที่ถ่ายมาเพื่อดาวน์โหลดลงบนเซิร์ฟเวอร์ก่อนที่จะรับหัวข้อต่อไป คณะกรรมการจะพิจารณารูปภาพทั้งหมดหลังจากจบในแต่ละรอบ

คุณสมบัติผู้สมัคร:
– เปิดรับสมัครสำหรับผู้สมัครสัญชาติไทยโดยไม่จำกัดอายุและประสบการณ์
– ผู้เข้าประกวดจะต้องใช้กล้องดิจิตอลเท่านั้น (ยี่ห้อใด รุ่นใดก็ได้) เพื่อใช้ในการถ่ายภาพระหว่างการประกวด
– รูปแบบที่ใช้ในการจัดเก็บ (หน่วยความจำ)จะต้องเป็น CF/SD/MMC/XD/SM/MS หรือหากใช้หน่วยความจำที่นอกเหนือจากนี้ผู้เข้าประกวดจะต้องเตรียม Adaptor สำหรับแปลงหน่วนความจำดังกล่าวให้อยู่ในรูปแบบที่กำหนดข้างต้นเอง ผู้จัดการประกวดจะไม่รับผิดชอบต่อกรณีที่เครื่องไม่สามารถอ่าน / ดาวน์โหลดไฟล์รูป
– ผู้เข้าประกวดสามารถใช้การเดินทางรูปแบบใดก็ได้ระหว่างการประกวด Canon Photo Marathon Thailand 2008

เกณฑ์การตัดสินมีดังต่อไปนี้
– ความคิดสร้างสรรค์ในการตีความหมายของหัวข้อที่ได้รับ
– การใช้สีและแสง/เงา
– องค์ประกอบภาพ
– ความเกี่ยวพันกับหัวข้อ

ผู้เข้าร่วมการประกวดต้องลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ http://photomarathon.canon-asia.com ตั้งแต่วันที่ 1 – 14 กันยายน 2551

รางวัลจะแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนที่ 1 เป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะในแต่ละหัวข้อ จะประกอบด้วยรางวัลชนะเลิศ ‘Best of Theme’ 1 รางวัล และรางวัลชมเชย (Merit Award) 2 รางวัล ส่วนที่ 2 เป็นรางวัลชนะเลิศ ‘Best of Show’ 1 รางวัล และรองชนะเลิศ 1 รางวัล ซึ่งจะตัดสินจากผลงานภาพถ่ายรวมทั้ง 3 รอบของผู้เข้าประกวด โดยผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับรางวัล ‘Best of Show’ นั้นจะต้องส่งผลงานรูปถ่ายเข้าร่วมการประกวดทั้ง 3 รอบ

ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บได้ที่
http://www.photomarathonasia.com/thailand/index.html