ภัตตาคารสูงเสียดฟ้าในมหานครกรุงเทพ

ภัตตาคารสูงเสียดฟ้าในมหานครกรุงเทพ

ไหนๆ ชื่อของกรุงเทพก็มีความหมายว่า “เมืองแห่งเทวดา” แล้วทั้งที ชาวบางกอกที่มีเงินเหลือใช้ก็ควรจะหาเวลาไปทานอาหารและดื่มด่ำกับบรรยากาศท่ามกลางความสูงเสียดฟ้ากันบ้างก็คงจะเป็นการดีไม่น้อย เท่าที่เราสืบทราบมา ในกรุงเทพมีภัตตาคารแบบเปิดโล่งบนตึกสูงระฟ้าอยู่ด้วยกันสามแห่ง แห่งแรก คือ ร้านเดอะ โดมที่เสตท   ทาวเวอร์ แห่งที่สอง คือ ร้านเวอร์ติโก้ที่โรงแรมบันยันทรี และแห่งสุดท้าย คือ ร้านเร้ดสกายที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ซึ่งบอกได้เลยว่าทั้งสามแห่งนี้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันทั้งในเรื่องของอาหารและทิวทัศน์อันตระการตา

แน่นอนล่ะว่าเมื่อสบโอกาสมารับประทานอาหารในสถานที่สูงๆ เรื่องของวิวย่อมเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ซึ่งจากทั้งสองภัตตาคาร คุณจะได้ทัศนาภาพมุมกว้างของกรุงเทพ มองเห็นป่าคอนกรีตที่อยู่รอบๆ พร้อมด้วยหมู่เมฆที่จับกลุ่มกันเป็นรูปร่างต่างๆ และแสงไฟจากการจราจรด้านล่างอันแสนคับคั่ง ผสมผสานกลายเป็นภาพที่งดงาม อย่างไรก็ตาม ภัตตาคารแต่ละแห่งต่างก็มีบรรยกาศที่ค่อนข้างแตกต่างกัน

เอาเป็นว่า หากคุณมีนัดหมายเพื่อไปพบปะกับคนรู้ใจไฮโซ หรือลูกค้าที่มีรสนิยมหรูหรา ขอแนะนำให้ไปที่ร้านเดอะ โดม อันโอ่อ่า แถมยังมีบาร์ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่า แต่ถ้าต้องการสถานที่สำหรับนั่งสบตาซึ้งกับคนรู้ใจ ก็ต้องไปที่ร้านเวอร์ติโก้ ซึ่งเงียบสงบและมีบริการที่เป็นส่วนตัวมากกว่า

สำหรับคุณภาพของอาหารและราคาของทั้งสองแห่งนั้น ต้องบอกว่าสูงพอๆ กับตำแหน่งที่ตั้งของร้าน (หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่า “แพงหูฉี่” นั่นเอง) โดยจานเด็ดอย่างเนื้อวากุนี่บอกได้เลยว่าเห็นราคาแล้วพาลจะทำให้ตาลาย เรียกว่า ถ้าไปลิ้มลองอาหารจานหลัก 1 จานและไวน์ชั้นเลิศ 1 ขวดกันสองคน ต้องพกไปอย่างน้อยๆ 10,000 บาท แต่หากเลือกทานเป็นเซ็ท พร้อมกับไวน์สำหรับสองคน ก็เตรียมกดตังค์ในกระเป๋าไว้เลย 20,000 บาท!

เมื่อจะไปทานอาหารหรูทั้งที การแต่งตัวก็ย่อมต้องดูดีตามไปด้วย ดังนั้น ใครที่หวังจะแต่งตัวเซอร์ๆ คีบรองเท้าเตะไปนั่งจิบไวน์ คงต้องขอให้คิดใหม่อีกรอบ เพราะมีหวังได้ถูกอันเชิญออกมาเป็นแน่แท้

ปิดท้ายกันด้วยเคล็ดลับสำหรับหลีกเลี่ยงเหตุการณ์กระเป๋าฉีก เราขอแนะให้คุณนั่งลิ้มรสความอร่อยของหอยนางรม เคล้ากับแชมเปญรสกลมกล่อมที่ดิสทิล บาร์ ภายในร้านเดอะ โดม เท่านี้ก็รับประกันได้ว่าพอบิลล์มาคุณก็ไม่ต้องลมใส่แล้ว J

อโกด้าเผยรายชื่อ 10 สุดยอดรีสอร์ทอนุรักษ์ธรรมชาติในเอเชีย ประจำปี 2552

อโกด้าเผยรายชื่อ 10 สุดยอดรีสอร์ทอนุรักษ์ธรรมชาติในเอเชีย ประจำปี 2552

อโกด้า www.agoda.co.th บริษัทผู้ให้บริการเว็บไซต์สำรองห้องพักในโรงแรมแบบออนไลน์ซึ่งรับประกันราคาห้องพักที่ถูกที่สุดในเอเชีย ได้เปิดเผยรายชื่อ 10 อันดับสุดยอดโรงแรมและรีสอร์ทอนุรักษ์ธรรมชาติในเอเชีย ประจำปี 2552 เพื่อเป็นการสนับสนุนและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใส่ใจต่อการรักธรรมชาติ โดยโรงแรมและรีสอร์ทเหล่านี้ได้ยึดถือนโยบายสีเขียว ซึ่งเป็นมาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายไมเคิล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอโกด้า กล่าวว่า “เมื่อสองปีที่แล้ว เราได้ทำการคัดเลือก 10 สุดยอดโรงแรมและรีสอร์ทอนุรักษ์ธรรมชาติในเอเชีย และนับตั้งแต่นั้นมา เราก็พบว่ามีโรงแรมและรีสอร์ทหันมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ  นับเป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้เห็นผู้ประกอบการแสดงความรับผิดชอบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างจริงจัง”

สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกโรงแรมอนุรักษ์ธรรมชาตินั้น นอกเหนือจากการส่งเสริมให้แขกผู้เข้าพักนำผ้ากลับมาใช้ซ้ำ หรือใช้เวลาอาบน้ำให้สั้นลงแล้ว อโกด้ายังได้ให้คะแนนพิเศษแก่โรงแรมและรีสอร์ทที่อนุรักษ์สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ รวมไปจนถึงการสนับสนุนชาวท้องถิ่นให้ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและนำนโยบายสีเขียวมาปฏิบัติเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชน

10 อันดับสุดยอดรีสอร์ทอนุรักษ์ธรรมชาติของอโกด้า ประจำปี 2552 มีดังต่อไปนี้

1) เดอะ ท้องทราย เบย์, เกาะสมุย, ประเทศไทย
รีสอร์ทซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหาดเฉวงแห่งนี้ได้ริเริ่ม “โครงการสีเขียว” เพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการน้ำเสีย การรีไซเคิล และการประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ ท้องทราย เบย์ รีสอร์ท ยังได้ให้ความช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่นด้วยการก่อตั้ง “โรงเรียนรักษ์สมุย” และร่วมมือกับโรงแรมอีกหลายเพื่อรักษาความงดงามของเกาะสมุยไว้ให้แก่ชนรุ่นหลังสืบต่อไป

2) อลิลา อูบุด และอลิลา แมงกิส, เกาะบาหลี, อินโดนีเซีย
รีสอร์ทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสองแห่งบนเกาะบาหลีนี้ติดอับดับท็อปเท็นโรงแรมรักธรรมชาติของอโกด้าในปี 2550 โดยทั้งคู่มีนโยบายที่จะลดผลกระทบในแง่ลบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติหลากหลากหลายชนิด เช่น การเดินป่า การขี่จักรยาน และชั้นเรียนสอนทำอาหาร รวมถึงมุ่งมั่นที่จะให้ความรู้แก่แขกผู้เข้าพักเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของชาวบาหลี

3) โซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท, กัมพูชา
โซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทแห่งดียวในกัมพูชาที่เคยได้รับรางวัล “เอเชี่ยน เอเนอร์จี้ อวอร์ด” จากการให้ความร่วมมือกับองค์กรอิสระ Agrisud ในการต่อสู้และขจัดความยากจนให้หมดไปจากเสียมเรียบ โดยโซฟิเทลได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรท้องถิ่นและจ้างแรงงานจำนวนหลายร้อยคน

4) เอล นิโด รีสอร์ท, เกาะมินิลอค, ฟิลิปปินส์
เอล นิโด รีสอร์ท ลดปริมาณของเสียที่จะก่อให้เกิดมลภาวะแก่หมู่แมกไม้และป่าโกงกางที่อยู่รอบๆ ด้วยการรีไซเคิลและอนุรักษ์พลังงานผ่านการใช้หลอดฟลูโอเรสเซนท์ นอกเหนือจากนั้น รีสอร์ทแห่งนี้ยังได้จับมือร่วมกับองค์กรท้องถิ่นในการทำความสะอาดชายฝั่งและเฝ้าระวังระบบนิเวศน์ รวมทั้งพนักงานของรีสอร์ททุกคนยังต้องเข้าร่วมในการฝึกอบรมสัมมนาที่มีชื่อว่า “Be G.R.E.E.N.” (Guard, Respect, Educate El Nido) เป็นเวลา 5 วัน

5) เดอะ ฟรานจิพานี่ ลังกาวี รีสอร์ท แอนด์ สปา, มาเลเซีย
เดอะ ฟรานจิพานี่ ลังกาวี ได้นำแนวทางอนุรักษ์ธรรมชาติหลากหลายแนวทางมาประยุกต์ใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด โดยรีสอร์ทแห่งนี้มีนโยบายที่จะลดการบริโภค บริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ผงซักฟอกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกรองน้ำทิ้งให้สะอาดด้วยระบบบำบัดน้ำเสีย

6) บันยันทรี, เกาะบินตัง, อินโดนีเซีย
รีสอร์ทหรูหราแห่งนี้ได้รับการออกแบบและวางแนวคิดเพื่อปกป้องและรักษาป่าเขตร้อนบริเวณรอบๆ ซึ่งอุดมไปด้วยต้นไม้อายุตั้งแต่ 50-100 ปี ไม่เพียงเท่านั้น บันยันทรี บินตัง ยังให้การสนับสนุนการพัฒนาของชาวบ้านและการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านเครือข่ายหมู่บ้านและพันธมิตรกว่า 40 แห่งในภูมิภาคดังกล่าว

7) โฮเต็ล เดอ ลา เปย์, กัมพูชา
โรงแรมหรูแห่งนี้ให้ความช่วยเหลือทางด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานแก่ชาวท้องถิ่นและสนับสนุนนกิจกรรมหลากหลายประเภทที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน เช่น การจัดตั้งศูนย์เย็บปักถักร้อย ซึ่งให้การฝึกอบรมด้านทักษะและความรู้แก่หญิงชาวเขมรที่พิการ รวมถึงการมอบโอกาสให้ผู้เข้าพักได้มีส่วนร่วมในการมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน หรือบริจาคจักรยาน บ่อน้ำ และหมูแก่ครอบครัวที่กำลังต้องการสิ่งของเหล่านี้

8 ) เดอะ ออร์คิด โฮเต็ล, มุมไบ, อินเดีย
เดอะ ออร์คิดถือเป็นโรงแรมในเอเชียแห่งแรกที่ได้ประกาศนียบัตร ECOTEL® อีกทั้งยังชนะเลิศรางวัลมาแล้วมากกว่า 61 รางวัลตลอดช่วงระยะเวลา 11 ปีที่เปิดให้บริการ โรงแรมแห่งนี้มีถังที่ใช้สำหรับเลี้ยงฟาร์มไส้เดือน 9 ถัง นอกเหนือจากนั้น ยังมีโรงบำบัดน้ำเสียและปุ่มสีเขียวพิเศษสำหรับให้ลูกค้ากดเพื่อเพิ่มอุณหภูมิภายในห้องขึ้น 2 องศาเซลเซียสเพื่อเป็นการลดการบริโภคพลังงาน

9) โซนีวา ฟูชิ บาย ซิกซ์เซ้นส์เซส, มัลดีฟส์
โซนีวา ฟูชิได้ริเริ่มโครงการสีเขียวไว้มากมาย เช่น โครงการปลูกต้นไม้ การรณรงค์ให้งดรับประทานหูฉลาม และแผนงานลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศอินเดียโดยหันมาใช้กังหันลม ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีนักชีววิทยาทางทะเลประจำการอยู่ที่รีสอร์ทคอยให้ความรู้แก่แขกผู้เข้าพักและดำลงไปสำรวจใต้มหาสมุทร ที่สำคัญ รีสอร์ทแห่งนี้ยึดถือหลักการสำคัญไว้ข้อหนึ่ง คือ การท่องเที่ยวซึ่งเน้นในด้านกิจกรรมสบายๆ ไม่เร่งรีบ เช่น การเดินชมธรรมชาติ การดูดาว และกีฬาทางน้ำที่ไม่ใช้เครื่องยนต์

10) คิงฟิชเชอร์ เบย์ แอนด์ วิลเลจ เฟรเซอร์ ไอส์แลนด์, ออสเตรเลีย
คิงฟิชเชอร์เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1992 และได้รับรางวัลมาแล้วมากมายในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยและศึกษาไว้คอยจับตามองสภาพแวดล้อมของเกาะอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดอีโค่ ทัวร์ให้ความรู้แก่ผู้เข้าพักตั้งแต่ในเรื่องป่าโกงกางไปจนถึงวัฒนธรรมของชาวอะบอริจิน รีสอร์ทแหงนี้ยังมีฟาร์มไส้เดือนเพื่อหมักของเสียให้กลายเป็นปุ๋ยและนำกลับมาใช้กับสวนสมุนไพร