อิ่มอร่อยกับหนึ่งวันในเวียงจันทน์

คงไม่เวิร์คเท่าไหร่นักหากมีเวลาแค่วันเดียวในการเที่ยวตระเวณหาของรับประทานในหนึ่งประเทศ แต่จะว่าไปแล้วบางครั้งมันก็ช่วยจำกัดสิ่งที่เราควรสนใจให้เหลือเพียงไม่กี่อย่าง ในประเทศลาวนั้น อาหารที่ไม่ควรพลาด คือ ขนมปัง   เนื่องจากสามารถหาซื้อได้จากทุกแห่ง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะบ้านพี่เมืองน้องของเราแห่งนี้เคยตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสมาก่อน โดยหากคุณต้องการลิ้มลองขนมปังบาแก็ตในยามเช้า วิธีที่ง่ายและสบายกระเป๋าที่สุด คือ มุ่งหน้าไปที่ตลาด แต่หากคุณอยากอิ่มอร่อยกับอะไรที่หรูหราและราคาแพงกว่านั้น ขอแนะนำ Scandinavian Bakery หรือ Café Croissant D’or ซึ่งมีเบเกอรี่ โรลล์ และเค้ก พร้อมด้วยกาแฟรสเยี่ยมไว้บริการ อย่างไรก็ดี คงเป็นเรื่องลำบากสักหน่อยในการหาอาหารบรันช์ (มื้อเช้า+มื้อกลางวัน) ทานในเวียงจันทน์

แม่น้ำโขงถือเป็นสถานที่อันเหมาะเจาะลงตัวสำหรับทานมื้อกลางวันและมื้อค่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่ได้วางแผนจะพักอาศัยในกรุงเวียงจันทน์เป็นเวลานาน โดยบถนนฟ้างุ้มริมฝั่งแม่น้ำโขงมีภัตตาคารตั้งเรียงรายอยู่มากมาย     หนึ่งในนั้น คือ ร้าน PVO ซึ่งเสิร์ฟอาหารเฝอของเวียดนามและขนมปังบาแก็ตสอดไส้เนื้อหมูให้ได้ลิ้มลอง เมื่อเดินเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับร้านริมทางที่พบเห็นกันได้ทั่วไปแบบในบ้านเราและมีเมนูอาหารอีสานให้ได้เลือกรับประทาน เช่น ลาบ ราคา 20,000 กีบ ข้าวเหนียว ราคา 5,000 กีบ และปลา ราคา 30,000 กีบ ซึ่งจับกันขึ้นมาสดๆ จากแม่น้ำ แต่ที่ขาดไม่ได้ คือ เบียร์ลาว ราคาประมาณ 10,000 กีบ เพราะไหนๆ ก็ลงทุนเดินทางข้ามฝั่งโขงมาทั้งที งานนี้ต้องขอลองดูหน่อยว่าเบียร์ที่นี่รสชาติจะเด็ดสักแค่ไหน

ที่ปลายสุดของถนนฟ้างุ้มมีสภาพเป็นถนนดินลูกรังและเป็นที่ตั้งของร้าน Spirit House ซึ่งให้บริการอาหารเช้าแบบฟูลคอร์ส รวมไปจนถึงส้มตำ ลาบ แซนด์วิช และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายชนิด แน่ละว่ามีเบียร์ลาวรวมอยู่ในนั้นด้วย ค็อกเทลของที่นี่มีราคาถูกในช่วงกลางวัน อีกทั้งยังมี Wifi ให้ใช้ได้ฟรี นอกจากนี้ คุณยังสามารถนั่งชมวิวทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำ หรือในภัตตาคาร ซึ่งจะโรแมนติคมากยิ่งขึ้นหากมีคนรู้ใจอยู่ข้างๆ กาย

ปิดท้ายทริปแห่งการรับประทานด้วยไส้กรอกลาวห่อใบตอง ซึ่งพบเห็นได้ตามรถเข็นขายของริมสองฝั่งถนน  แม้อาจจะไม่ได้เลิศหรูอะไรมากมาย แต่การที่มันมีขายอยู่ทั่วไป ก็ทำให้ยากเกินอดใจไหวที่จะตอบปฏิเสธคำเรียกร้องของกระเพาะ

แนะนำคลับน่าเที่ยวในซิดนีย์

หากคุณมีโอกาสได้ไปแดนจิงโจ้แล้วล่ะก็ สถานที่ๆ ไม่ควรพลาดการแวะเวียนไปเยือน คือ ซิดนีย์ เพราะนครแห่งนี้นับได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญและได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นอกจากนี้ ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการปาร์ตี้ของออสเตรเลียอีกด้วย งานนี้เราคงจะไม่ขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวทั่วๆ ไปเนื่องจากของแบบนี้คุณๆ สามารถหาอ่านได้ตามไกด์บุ๊ค เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักคลับชื่อดังของซิดนีย์กันแทนดีกว่า

Home night club Sydney

Home

ร้านแรกที่เราขอแนะนำให้รู้จัก คือ Home ตั้งอยู่ที่ Cockle Bay Wharf และเป็นคลับที่ใหญ่ที่สุดในซิดนีย์ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูของสถานบันเทิงยามราตรีในช่วงทศวรรษที่ 1990 และยังคงไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้มีลูกค้ามาใช้บริการเต็ม 2,000 คนทุกคืนก็ตาม คลับแห่งนี้มีด้วยกัน 3 ชั้นและแบ่งออกเป็น 4 โซน โดยมีตั้งแต่ห้องโถงใหญ่ไปจนถึงระเบียงบนชั้นหลังคาที่มองเห็นทัศนียภาพของอ่าวดาร์ลิง ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าดีเจชื่อดังระดับสากลต่างก็เคยแวะเวียนมาเล่นที่ Home กันแล้วถ้วนหน้า ซึ่งดนตรีจะเปลี่ยนแนวไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับธีมในแต่ละคืน

Tank

Tank

ร้านต่อไป คือ Tank ตั้งอยู่ในย่าน Bridge Lane และเป็นส่วนหนึ่งของคอมเพล็กซ์หรูบนถนนจอร์จ สตรีท ทางเข้าของที่นี่ออกจะลึกลับเสียหน่อย โดยซ่อนตัวอยู่ภายในตรอก ดังนั้น จึงมีเพียงขาเที่ยวชาวซิดนีย์และชาวต่างชาติไม่กี่คน (ตอนนี้คุณเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว) ที่หาเจอ นอกจากนี้ ร้าน Tank ยังเปิดให้บริการเฉพาะวันศุกร์ (R&B Superclub) และวันเสาร์ (One Love) ตั้งแต่สี่ทุ่มจนถึงหกโมงเช้า พร้อมด้วยดีเจชาวออสซี่และดีเจจากชาติต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเล่นแผ่นให้ความสุขแก่ลูกค้า ภายในมีบาร์อยู่ด้วยกัน 3 แห่งและถ้าคุณโชคดีอาจได้จับพลัดจับผลูไปอยู่ท่ามกลางหมู่คนดังไฮโซในโซนวีไอพีก็เป็นได้

ARQ Sydney

ARQ Sydney

ซิดนีย์นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีชุมชนชาวสีม่วงที่ใหญ่ที่สุดในโลกและแน่นอนว่ามีเกย์คลับอยู่มิใช่น้อย ซึ่งคลับของที่นี่ไม่ได้มีแต่ลูกค้าที่เป็นชาวไม้ป่าเดียวกันเท่านั้น แต่ยังดึงดูดชายหญิงทั่วไปให้เข้ามาใช้บริการอีกด้วย อย่างเช่น ร้าน ARQ บนถนน Flinders ที่ยินดีต้อนรับทุกคนและในช่วงวันหยุดยาวก็เปิดให้บริการกันแบบน็อนสต็อป ร้านนี้แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ด้านบนมีชื่อว่า The Arena โดยเป็นแดนซ์ฟลอร์ที่ติดตั้งแสงไฟและแสงเลเซอร์ตระการตา พร้อมระบบเสียงชั้นยอดที่จะทำให้ร่างกายคุณขยับขับเคลื่อนไหวไปตามเสียงเพลง สำหรับชั้นล่างมีชื่อว่า The Vortex ซึ่งเป็นบริเวณที่ออกจะเล็กและมืดกว่าข้างบน แต่ก็เพียบพร้อมไปด้วยเลานจ์ โต๊ะพูล และพื้นที่เต้นรำ