สิ่งที่ควรและไม่ควรทำที่ร้านติ่มซำในฮ่องกง

คุณคงไม่สามารถทานอาหารกลางวันอย่างเป็นสุขได้ในฮ่องกง โดยเฉพาะเมื่อคุณอยู่ในร้านติ่มซำซึ่งมักจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนล้นหลาม ไม่มีกาน้ำชากระเบื้องเคลือบอย่างดี ไม่มีสุดยอดบริการ และไม่มี เพลงแนว Bossa Nova เปิดคลอให้ได้ยินทั่วทุกมุมของร้าน

แต่เดี๋ยวก่อน…นั่นแหละคือความสนุกของวัฒนธรรมติ่มซำในฮ่องกงและคุณจะไม่พบเจอความวุ่นวายแบบนั้นจากที่อื่นบนโลกใบนี้อีก จริงอยู่ที่ร้านติ่มซำนั้นมีอยู่ทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นภัตตาคารอาหารจีนหรูหราที่เสิร์ฟพุดดิ้งเต้าหู้มาในถ้วยแก้วรูปทรงน่ารักพร้อมฝาปิด

ดังนั้น เพื่อที่จะเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมติ่มซำอย่างเต็มที่ การสั่งอาหารได้ถูกต้องนั้นยังไม่พอ แต่ต้องนำวิธีที่คนท้องถิ่นปฏิบัติมาใช้ด้วย และนี่คือข้อแนะนำถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำที่สามารถเพิ่มประสบการณ์ในการลิ้มรสติ่มซำของคุณให้ลึกซึ้งมากขึ้น

ควรทำ: ซ้อนเข่งติ่มซำขึ้นไปเป็นชั้น ๆ  เมื่อคุณสั่งติ่มซำ อย่าวางเข่งให้กระจัดกระจายบนโต๊ะ แต่ให้ซ้อนขึ้นไปจนกระทั่งมันเริ่มขวางกั้นคุณและคนที่คุณนั่งทานอาหารด้วย ลองนึกถึงวิธีที่พวกแก๊งมาเฟียในหนังฮ่องกงกินอาหารกันดูสิ นั่นก็คือพวกเขาจะนั่งตรงข้ามกันโดยมีกองเข่งติ่มซำหลายกองอยู่ข้างหน้า  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ

ควรทำ: เอ่ยชมรสชาติอาหารและทำเสียงประกอบด้วย ตอบสนองกับอาหารของคุณและชื่นชมแต่ละจานอย่างไม่หยุดหย่อนด้วยประโยคอย่างเช่น: “เอ้า กินๆ ! นี่มันโคตรสดเลย!” , “อื้ม” , “อร่อย!”, “ว้าว!” และอื่น ๆ อีกมากมาย คุณจะครีเอทคำชมของคุณขึ้นมาเองก็ได้ แต่ให้ใช้ถ้อยคำเชิงบวกเท่านั้น

ไม่ควรทำ: กินเงียบๆ .. คุณควรพูดและหัวเราะเสียงดัง ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนั่งเงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่งของร้านแล้วคร่ำครวญว่า “ทำไมพวกนั้นเสียงดังจัง ไม่รู้รึไงว่าเรากำลังอร่อยกับอาหารอยู่” อย่าลืม นี่มันฮ่องกงนะ! ถ้าเอาชนะพวกเขาไม่ได้ก็ผสมโรงด้วยซะเลย! ถ้าได้ยินเรื่องตลกก็ให้หัวเราะออกมาดังๆ  หรือถ้าคุณสั่งซี่โครงหมูมาละก็ ดูดน้ำที่ฉ่ำอยู่ในเนื้อหมูให้เหมือนกับแวมไพร์ ขณะที่คุยกันอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องกระซิบกระซาบหรือบ่นพึมพำ พูดเสียงดังปกติได้เลย แล้วก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกถ้าคุณจะเคาะตะเกียบกับจานอาหารให้เป็นทำนองเพลง เพราะทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการกินติ่มซำแสนอร่อย

ไม่ควรทำ: ลดความอ้วน .. แต่จงสั่งอาหารมาเยอะๆ มันค่อนข้างน่าอายถ้าคุณนั่งโต๊ะใหญ่แต่สั่งอาหารมาแค่สองเข่งเล็กๆ ที่บอกว่าให้สั่งเยอะๆ นั้นหมายถึง ขนมผักกาด 2 เข่ง ปอเปี๊ยะ 3 ชิ้น เผือกสอดไส้ 1 เข่ง ข้าวต้ม 4 ถ้วย ทาร์ตไข่ 5 ชิ้น และซาลาเปาไส้หมูแดง 3 ลูก กินให้หมดโดยเร็วเพราะนี่เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น

ควรทำ: สั่งทีละนิดละหน่อย อย่าสั่งทุกอย่างในครั้งเดียว และขณะที่คุณกำลังง่วนกับการกินและการคุยอยู่นั้นก็ให้เรียกพนักงานมาสั่งอาหารเพิ่มทีละจานสองจาน (และอีกจาน และอีกจาน ไปเรื่อยๆ)

ไม่ควรทำ: ลังเล .. คุณต้องรวดเร็ว ชาวฮ่องกงมีประสิทธิภาพมากดังนั้นจะไม่มีเวลาให้คุณนั่งอ่านเมนู นั่งนึกว่าจะสั่งอะไรดี นั่งลังเลและสั่งใหม่ ในฮ่องกงทุกอย่างมีแต่ความรวดเร็วเพราะมีลูกค้าอีกเพียบรอต่อคิวโต๊ะที่คุณนั่งอยู่ จงกินอย่างกระฉับกระเฉงและเคี้ยวอาหารสอง-สามอย่างในเวลาเดียวกัน ขอให้เจริญอาหารนะ!

ช็อปปิ้งที่ตลาดจตุจักรในช่วงสุดสัปดาห์

ช็อปปิ้งที่ตลาดจตุจักรในช่วงสุดสัปดาห์

ตลาดนัดจตุจักรในกรุงเทพฯ ที่เปิดทุกเสาร์-อาทิตย์คงไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบเดินช็อปปิ้งสบายๆ ในห้าง ด้วยจำนวนผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าถึง 200,000 คนต่อวัน แม้ตลาดแห่งนี้จะมีพื้นที่กว่า 70 ไร่ก็ยังไม่สามารถรองรับฝูงชนได้ ดังนั้น ก็เตรียมตัวได้เลยว่าคุณจะต้องเสียเวลาเบียดเสียดบรรดานักช็อปในทางเดินแคบๆ กันทั้งวัน แต่นี่ล่ะคือสีสันของตลาดแห่งนี้

ความเป็นมาของจตุจักร

ย้อนกลับไปในช่วงพ.ศ. 2491 เมื่อจอมพลป. พิบูลสงครามซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นมีนโยบายให้ทุกเมืองในประเทศมีตลาดประจำเมือง หลังจากย้ายสถานที่ไปมา สุดท้ายก็ตัดสินใจให้ตลาดนัดประจำกรุงเทพมหานครอยู่ตรงตำแหน่งในปัจจุบันบนถนนพหลโยธิน

ตั้งแต่นั้นมา ตลาดนัดจตุจักร (หรือที่เรียกกันติดปากว่าเจเจ) ก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในตลาดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยปกติ ตลาดจะเปิดขายกันอย่างคึกคักในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ก็มีบางร้านที่เปิดตลอดทั้งสัปดาห์

การเดินเลือกซื้อของที่จตุจักร

พูดได้เลยว่าคุณสามารถหาซื้อของได้ทุกประเภทที่ตลาดนัดจตุจักร ตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน จานชาม หนังสือ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของโบราณ ตุ๊กตา งานศิลปะ และอื่นๆ มีทุกอย่างที่นี่ อย่างไรก็ตาม คุณอาจต้องเสียเวลาทั้งวันที่จตุจักร (มีร้านค้าประมาณ 10,000 ร้าน) แถมยังไม่ได้ของที่ต้องการเลยสักชิ้น ดังนั้น นักช็อปทั้งหลายจึงควรวางแผนมาก่อนล่วงหน้า

สิ่งแรกที่คุณควรรู้ไว้เกี่ยวกับตลาดแห่งนี้คือ คุณอาจเสียเวลาไปกับการเดินวนเวียนหลงทางหรือต้องเดินตากแดดทั้งวัน ดังนั้น จึงควรหาซื้อน้ำดื่มบ่อยๆ และคอยมองหาที่บังแดดเพื่อจะได้เดินเลือกซื้อของกันในที่ร่ม

อย่าลืมหยิบแผนที่ซึ่งมีให้ตรงจุดบริการข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยว ตรงทางเข้าฝั่งขวามือ เมื่อคุณเริ่มจะหลงทาง ให้เลือกเดินไปทางทิศใดทิศหนึ่ง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินหลงวนกลับมาที่เดิม

และที่สำคัญคืออย่าลืมต่อราคาเป็นอันขาด โดยเฉพาะหากคุณเป็นชาวต่างชาติ คนขายที่เป็นคนไทยจะคิดว่าคุณต้องต่อราคาอยู่แล้ว ดังนั้น จึงบอกราคาคุณแพงเกินจริงเป็นสองเท่า แต่บางครั้ง ราคาสินค้าบางอย่างก็จะตายตัว ซึ่งจะมีการติดป้ายราคาเอาไว้อย่างดี หรือไม่ก็มีการโฆษณาให้ทราบโดยทั่วกัน ในกรณีนี้จะไม่สามารถต่อราคาได้

เมื่อเดินช็อปกันจนปวดเท้าและท้องเริ่มร้องแล้ว ให้ตรงไปยังถนนใหญ่ใกล้กับทางออก ซึ่งจะเต็มไปด้วยร้านอาหารข้างทาง (ผัดไทยราคา 40 บาท) และบริการนวด (นวดฝ่าเท้าราคา 250 บาทต่อชั่วโมง) นอกจากนี้ ยังมีไอศกรีมกะทิที่ทั้งอร่อยและให้ความสดชื่น (ซื้อได้จากรถเข็นไอติม) ในราคาเพียง 20 บาท หยุดพักเติมพลังสักครู่ เพื่อจะได้เดินช็อปกันต่อ หลังจากช็อปปิ้งจนเต็มอิ่มแล้ว คุณก็สามารถเดินไปยังสวนจตุจักรและนั่งพักผ่อนสบายๆ บนสนามหญ้าก่อนกลับบ้าน

ร้านแนะนำ

  • So Beautiful – สมุดโน้ต กรอบรูป และนาฬิกาสไตล์เก๋ๆ คุณภาพดีในราคาไม่แพง สมุดโน้ตเล่มเล็กราคา 80 บาท เล่มใหญ่ 120 บาท กรอบรูป 190 บาท โครงการ 13 เลขที่ 16 ซอย 11/1
  • RST Shop – สมุนไพรและเครื่องเทศจากธรรมชาติ มีชาผลไม้อบแห้งที่ทั้งอร่อยและน่าทาน ชาชะเอมเทศราคา 60 บาท ชามะตูมแห้ง 60 บาท เครื่องแกงถุงละ 60 บาท โครงการ 25 เลขที่ 192 ซอย 3/1
  • Time + – ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นอินเทรนด์ที่เต็มไปด้วยสีสัน โครงการ 26 เลขที่ 307 ซอย 1 (เยื้องร้านนี้ไปเป็นร้านขายของโบราณที่มีของสวยๆ ให้เลือกมากมาย)

การเดินทางไปจตุจักร

เส้นทางไปตลาดนัดจตุจักรนั้นง่ายมาก เดินจากรถไฟฟ้า BTS สถานีปลายทางหมอชิตเพียง 5 นาทีก็จะถึงตลาดนัดจตุจักร หรือคุณสามารถนั่งรถไฟใต้ดิน MRT ไปได้เช่นกัน โดยลงที่สถานีกำแพงเพชร หากนั่งแท็กซี่ ให้บอกคนขับว่าไปสวนจตุจักร ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีคนขับคนไหนที่ไม่รู้จัก