พักผ่อนสไตล์สบายๆ ณ หาดบอนได

พักผ่อนสไตล์สบายๆ ณ หาดบอนได


ถ้าพูดถึงชายหาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมในออสเตรเลียแล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าชื่อของหาด บอนไดในซิดนีย์จะต้องผุดขึ้นมาในใจของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน หาดทรายสีทองแห่งนี้มีความยาว 1 กิโลเมตร ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองซิดนีย์เพียง 15 กิโลเมตรและแวดล้อมด้วยย่านชุมชนแถบชานเมือง เพียงก้าวแรกที่เดินทางมาถึง คุณๆ ก็จะได้ประทับใจกับความสวยงามตระการตา ซึ่งแทบไม่ต่างจากภาพถ่ายของชายหาดบนโปสการ์ด

“บอนได” เป็นคำในภาษาอะบอริจินิส มีความหมายว่า “น้ำซัดสาดเหนือโขดหิน” โดยคาดกันว่าโขดหินบริเวณปลายหาดทั้งสองด้านน่าจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการตั้งชื่อเช่นนี้ หาดบอนไดเป็นชายหาดที่ชาวซิดนีย์นิยมใช้เป็นสถานที่เพื่อเล่นกระดานโต้คลื่น รวมถึงเล่นน้ำเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระลึกไว้อยู่เสมอ คือ อย่าว่ายออกไปนอกเขตที่ระบุไว้ เพราะไลฟ์การ์ดของที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดเอาเรื่องและจะคอยจับตาดูทุกคนอย่างใกล้ชิด ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องไลฟ์การ์ดแล้วทั้งที   ก็เลยมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 1907 ได้มีการก่อตั้ง “เซิร์ฟ ไลฟ์ เซฟวิ่ง คลับ” ขึ้นที่หาดบอนได และอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ใช้กันในหาดต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกในปัจจุบันก็ได้รับการคิดค้นและประดิษฐ์ขึ้น ณ ที่แห่งนี้

นอกเหนือจาก น้ำทะเลใสและชายหาดสีขาวอมครีมแล้ว บอนไดยังขึ้นชื่อในเรื่องคาเฟ่ ภัตตาคารหลากหลายเมนู และบาร์สุดฮิพ อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดงานอีเวนท์และเทศกาลต่างๆ มากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ผสมผสานรวมกันทำให้หาด   บอนไดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเมื่อเดินทางมาเยือนซิดนีย์ หนึ่งในอีเวนท์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง คือ City to Surf Fun Run ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันอาทิตย์ที่สองของเดือนสิงหาคม โดยการแข่งขันวิ่งระยะทาง 14 กิโลเมตรนี้ดึงดูดผู้เข้าร่วมแข่งขันจากทั่วโลกได้มากกว่า 60,000 คน แต่หากคุณชอบที่จะเป็นผู้ชมมากกว่าลงแข่งเอง เราก็ขอแนะนำงานเทศกาลว่าวที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียอย่าง Festival of The Winds ที่จัดกันในเดือนกันยายนของทุกปี เพียงจองโรงแรมใกล้หาดบอนได คุณก็จะได้ดื่มด่ำกับเบียร์เย็นฉ่ำ พร้อมทั้งรับชมว่าวไปพร้อมๆ กันจากระเบียงห้องพัก

จอร์จทาวน์ เกาะปีนัง

เมื่อได้โอกาสมาเยือนเมืองจอร์จทาวน์บนเกาะปีนังทั้งที สิ่งหนึ่งที่เราๆ ท่านๆ ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง คือ เรื่องของอาหาร เนื่องจากที่นี่เพียบพร้อมไปด้วยจานเด็ดตำรับมาเลย์ อินเดีย และจีนมากมายหลายชนิดให้ได้อิ่มอร่อย ซึ่งนั่นแปลว่างานนี้ต้องเตรียมกระเพาะไว้คอยย่อยอาหารให้ดี เพื่อจะได้ดื่มด่ำกับการรับประทานกันอย่างเต็มที่

ทริปนี้ของเราเริ่มต้นด้วยการแกร่วอยู่แถว Cheong Fatt Tze Mansion บนถนน Leith ซึ่งเป็นบูติค เกสท์เฮ้าส์อันเก๋ไก๋ที่มีของอร่อยหลากเมนูให้ได้ลิ้มลอง เรียกว่าแม้แต่ไข่เจียวก็ยังมีรสชาติเด็ดดวง โดยอาหารเช้าของที่นี่คิดรวมอยู่ในค่าห้องพักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเสิร์ฟให้ได้รับประทานในลานกว้างสมัยศตวรรษที่ 19 แวดล้อมด้วยสถาปัตยกรรมลวดลายจีนและความโรแมนติค

จากนั้น ก็ถึงเวลาไปหาเครื่องดื่มเย็นๆ มาคลายร้อนในยามบ่ายกันซะหน่อย และเป้าหมายของเรา คือ เบียร์การ์เด้น ซึ่งตั้งอยู่ติดๆ กัน สวนเบียร์แห่งนี้ตกแต่งด้วยธีมสีแดงและมีบรรยากาศสบายๆ พร้อมด้วยวงดนตรีที่บรรเลงขับกล่อมเพลงให้ได้เพลิดเพลินระหว่างที่เราเลือกสั่งอาหารจากร้านที่มีอยู่ประมาณ 50 แห่งท่ามกลางคลื่นฝูงชนกว่า 300 คน

พอตกค่ำ เราก็ข้ามฝั่งไปที่  Jalan Penang ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมืองจอร์จทาวน์เพื่อลองลิ้มชิมรสอาหารอินเดียแสนอร่อยในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นแกงกระหรี่เนื้อแกะอันหอมกรุ่น โรตี กะหรี่ปั๊บสาโมสาไส้มังสวิรัติ และไมโลแก้วโต (สำหรับดับความร้อนแรงของอาหารครับ) ก่อนจะปิดท้ายด้วยข้าวเหนียวดำรสชาติหวานมันส์กลมกล่อม

ส่วนใครก็ตามที่เกิดมาในตระกูลร่ำรวยมีเงินถุงเงินถัง เราก็ขอแนะนำให้ไปที่ร้าน Eastern & Oriental บนถนน Karquhar ซึ่งมีเค้กรสนุ่มและแซนด์วิชชิ้นเล็กพอดีคำไว้บริการในราคาแพงใช่ย่อย แต่สำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยแล้ว ก็ต้องไปที่ถนน Campbell แล้วอิ่มหนำกับคาพิโอ (หรือโอเลี้ยงนั่นเอง) ขนมหวานตำรับจีนรสชาติล้ำลึก พร้อมด้วยอาหารอีกหลากหลายชนิดจากร้านรถเข็นมากมาย