ข้อมูลพื้นฐานประกอบการเที่ยวภูเก็ต

เมื่อเอ่ยถึงสถานที่ตากอากาศริมชายหาด เชื่อว่าหลายคนคงมีแหล่งท่องเที่ยวโปรดมากมายผุดขึ้นมาในใจ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะแดนสยามของเราอุดมไปด้วยหาดทรายและทะเลที่สวยงาม แถมสถานที่พักก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท ตั้งแต่บังกะโลราคาถูกไปจนถึงวิลล่าหลังงามราคามหาแพง แต่ถ้าจะถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ในหมู่ชาวไทยและชาวต่างชาติแล้วล่ะก็ คำตอบคงหนีไม่พ้นเกาะภูเก็ต ซึ่งได้รับฉายาว่า “ไข่มุกแห่งอันดามัน”

แน่นอนว่าหาดป่าตอง คือ ชายหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของภูเก็ตและมักจะถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ของเกาะ เช่น งาน Phuket 2nd Annual Lifesaving Carnival เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา โดยงานนี้เรียกได้ว่าเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ของไลฟ์การ์ดฝีมือฉมังจากทั่วโลกที่มารวมตัวกันเพื่อดวลฝีมือกันฉันท์มิตรภาพ นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือน 7 ก็ยังจะมีการแข่งขันเรือยอชท์นานาชาติในงาน Six Senses Phuket Race Week อีกด้วย หาดป่าตองมักจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศที่มุ่งหน้ามาหาความสนุกเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและหลบหนีจากชีวิตในเมืองอันวุ่นวาย ยิ่งถ้าคุณเป็นคนชอบสีสันยามราตรีด้วยแล้ว ยิ่งต้องห้ามพลาดการไปเยือนถนนบางลาที่จะเติมความมีชีวิตชีวาให้แก่การมาเที่ยวภูเก็ต
แต่สำหรับผู้ที่ไม่ปลื้มกับชายหาดที่พลุกพล่าน ขอแนะนำให้เดินทางลงใต้ไปอีกสักนิด ก็จะพบกับหาดกะตะและหาดกะรน ซึ่งสวยงามไม่แพ้หาดป่าตอง อีกทั้งยังมีความสงบร่มรื่นและมีพื้นที่โล่งมากกว่า จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มากับครอบครัว
ส่วนคนที่ชอบกิจกรรมมันส์ๆ เกาะสวรรค์แดนใต้แห่งนี้ก็มีรถเอทีวี การขี่ช้าง การเล่นซิพไลน์ (คล้ายๆ กับการโดดหอ) รวมไปจนถึงการยิงเป้าให้ได้สนุกสนาน อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ใครที่อดใจไว้ไม่ไหว ก็ขอให้ลาพักร้อน จองห้องพักให้เรียบร้อย แล้วรีบจรลีไปพักผ่อนให้ฉ่ำปอดกันเลย!

Top 10 Boutique Hotels in Asia Pacific 2009

10 อันดับโรงแรมบูติคยอดเยี่ยมของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ประจำปี 2009

นักท่องเที่ยวหน้าใหม่หลายๆ คนคงนึกสงสัยอยู่ในใจว่าโรงแรมบูติคคืออะไร? งานนี้ เรามีคำตอบให้แก่คุณครับ โดยทั่วไปแล้วโรงแรมบูติค (หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า “ดีไซน์โฮเต็ล”) มักจะเป็นโรงแรมขนาดค่อนข้างเล็ก ตามปกติจะมีห้องพักไม่เกิน 150 ห้อง ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการอำนวยความสะดวกและจัดหาบริการอย่างเป็นส่วนตัวได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีสไตล์และการตกแต่งที่เก๋ไก๋ ทันสมัย และเป็นเอกลักษณ์

ในปีนี้ นับเป็นปีที่สองแล้วที่ทางอโกด้าได้ทำการรีวิวโรงแรมบูติคในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค โดยเรามองว่าโรงแรมบูติคนับเป็นโรงแรมแนวใหม่ที่น่าสนใจ ทั้งยังได้ผสมผสานสไตล์และความมากประโยชน์ใช้สอยเข้าไว้ด้วยกันอย่างมีเสน่ห์และน่าดึงดูดใจ รวมถึงมุ่งให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว ในปี 2009 นี้ อโกด้าได้นำมาตรฐานโรงแรมและคะแนนจากการรีวิวของลูกค้ามาเป็นส่วนหนึ่งในปัจจัยการพิจารณา โดยคัดเลือกเฉพาะโรงแรมระดับ 4-5 ดาวและมีห้องพักต่ำกว่า 200 ห้องเท่านั้น รายชื่อ 10 อันดับในปีนี้มีทั้งหน้าเก่าที่คุ้นเคยกันดีจากปีที่แล้วและโรงแรมหน้าใหม่จากฮ่องกง  สิงโคปร์ ซิดนีย์ เกียวโต และมาเลเซีย

ความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ของโรงแรมบูติคถือเป็นอะไรที่ไม่น่าแปลกใจสักเท่าใดนัก เพราะปัจจุบัน นักเดินทางต้องการสิ่งต่างๆ มากกว่าแค่ห้องพักธรรมดา พวกเขาคาดหวังถึงบริการชั้นเลิศ สิ่งอำนวยความสะดวกอันยอดเยี่ยม บรรยากาศที่มีเอกลักษณ์/สะดวกสบาย และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ ความสุขจากการเข้าพัก เอาล่ะ เกริ่นกันมาพอหอมปากหอมคอแล้ว ถึงเวลามาพบกับ 10 อันดับสุดยอดโรงแรมบูติคของเอเชีย แปซิฟิค ประจำปี 2009 กันได้เลย

1. โรงแรมตรีสรา ภูเก็ต ประเทศไทย

ตรีสราให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ความเรียบง่าย ความสงบเงียบ และความกว้างขวาง ให้บริการบ้านพักและห้องสวีท 42 หลัง/ห้องที่มีความสะอาดและร่วมสมัย พร้อมด้วยกลิ่นอายแบบไทยๆ อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแบบไร้ขอบที่มองเห็นวิวอันตระการตาของทะเลอันดามัน นอกจากบริการนวด บอดี้ทรีทเมนท์ และบำรุงผิวหน้าแล้ว โรงแรมตรีสรายังเชี่ยวชาญในเรื่องโยคะและการทำสมาธิ โดยนำเสนอ “ตรีสรา พุนติ เพียวริฟิเคชั่น แอนด์ รีไวทาไลเซชั่น โปรแกรม” ร่วมกับผู้ชำนาญการด้านสมุนไพร จุดเด่นอื่นๆ ของรีสอร์ทแอนด์สปาหรูแห่งนี้ยังรวมถึง การมีไอพ็อดให้ใช้บริการฟรีในห้องสมุดพร้อมเพลงมากมาย การทานอาหารที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ และอ่าวส่วนตัวซึ่งรายล้อมไปด้วยแนวปะการัง

2. The Scarlet Hotel สิงคโปร์

โรงแรมที่เคยชนะรางวัลมาแล้วแห่งนี้ไม่ใช่หน้าใหม่ในรายชื่อท็อปเท็นของเรา ให้บริการห้องพักที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองในแต่ละห้อง ตั้งแต่ห้องแพชชั่น สวีทโทนสีแดงไปจนถึงห้องโอพูเลนท์ สวีทที่มีผนังสีมะกอกและหัวเตียงสีทอง นอกจากนี้ ยังมีภัตตาคารดีไซร์ที่เคยได้รับรางวัลและภัตตาคารบรีซบนชั้นหลังคาไว้คอยนำเสนอความอิ่มอร่อย พร้อมด้วยบาร์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวอย่าง ร้านโบลด์ รวมทั้งมีอ่างจาคุซซี่และยิม ซึ่งตั้งชื่อได้อย่างเหมาะเจาะว่า “โซดา แอนด์ ฟลอนท์” ไว้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ที่สำคัญ สถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปด้านนอกของโรงแรมยังช่วยอำพรางสีสันสดใสและเฟอร์นิเจอร์ทันสมัยซึ่งรอแขกผู้เข้าพักอยู่ด้านใน  โรงแรม Scarlet ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความประทับใจให้แก่ลูกค้าทุกท่าน ดังจะเห็นได้จากบานประตูสีแดงและห้องพักที่แบ่งเป็นธีมสีต่างๆ ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นยอดและห้องประชุมอันโดดเด่น

3. The Luxe Manor ฮ่องกง

The Luxe Maonr เป็นโรงแรมที่ใหญ่เป็นอันดับสองในการจัดอันดับของเรา โดยมีลักษณะคล้ายกับเกาะฮ่องกง ตรงที่มีความเป็นจีนดั้งเดิม แต่งแต้มด้วยกลิ่นอายตะวันตก พร้อมทั้งมีส่วนผสมที่น่าตื่นตาตื่นใจของความทันสมัยและความคลาสสิค ให้บริการห้องสวีทที่ได้รับการตกแต่งในธีมต่างๆ เช่น ห้องซาฟารี สวีทที่นำต้นแบบมาจากอุทยานแห่งชาติเซเรนเกติ หรือ ห้องมิราจสวีทที่ดูจะได้รับแรงบันดาลใจจากภาพวาดของซัลวาดอร์ ดาลี่ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ที่นี่แตกต่างจากโรงแรมทั่วไปแห่งอื่นๆ นอกเหนือจากนั้น ยังมีห้องดีลักซ์ สวีทที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เช่น โทรทัศน์จอแอลซีดีและความบันเทิงตามความต้องการ รวมถึงมีภัตตาคารที่ได้รับการประดับด้วยงานศิลปะบนฝาผนัง โดยเสิร์ฟอาหารรสเลิศจากฝีมือการปรุงของพ่อครัวชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกให้ได้ลิ้มลอง และด้วยช็อคโกแลตที่ส่งตรงถึงทุกห้องพักในยามค่ำคืน ก็ยิ่งทำให้การเข้าพักที่ The Luxe เป็นอะไรที่น่าอภิรมย์มากขึ้น

4. โรงแรมดรีม กรุงเทพ ประเทศไทย

โรงแรมดรีมเป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในรายชื่อ 10 อันดับ เนื่องจากมีการสร้างปีกตึกส่วนที่สองเพิ่มเติมขึ้นมา และด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของการตกแต่งอันเก๋ไก๋ สีสันสดใส และบริการชั้นเลิศ จึงส่งผลให้โรงแรมแห่งนี้เลื่อนอันดับขึ้นมาจากปีที่แล้ว ห้องโถงสีครามอันหรูหราจะนำทางลูกค้าไปสู่ห้องพักสีขาวซึ่งแต่งแต้มด้วยไฮไลท์สีฟ้า พร้อมห้องน้ำที่ทันสมัย ขณะที่ในยามราตรี แสงไฟสีฟ้าที่ลอดออกมาจากใต้เตียงนอนจะอาบทั่วทั้งห้องให้ส่องสว่างด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นอกจากนี้ ยังมีผ้าปูที่นอนสไตล์อียิปต์ เตียงขนนก โทรทัศน์จอแบน และไอพ็อด ไว้รอให้คุณมาใช้บริการ หลังจากการนวดหน้าที่อวาทาร์ สปา หรือสนุกสนานยามค่ำคืนที่ร้านชื่อดังของกรุงเทพอย่าง ฟลาวา เลานจ์

5. Kirketon ซิดนีย์ ออสเตรเลีย

การปรับโฉมใหม่เมื่อไม่นานมานี้ช่วยให้โรงแรมขนาด 40 ห้องที่มีความเป็นกันเองแห่งนี้กลับขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าของโรงแรมบูติดชั้นยอดของออสเตรเลียอีกครั้ง โดยเปลี่ยนจากดีไซน์แบบมินิมัลลิสต์ให้มีความเก๋ไก๋ทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม Kirketon เป็นโรงแรมที่หรูหราและมีความเป็นส่วนตัวสูง อีกทั้งยังอยู่ในเครือ Eight Hotels ของออสเตรเลียซึ่งเชี่ยวชาญในด้านตลาดโรงแรมบูติค โทนสีที่อบอุ่นและสดใสของที่นี่คอยต้อนรับลูกค้าสู่ห้องพักที่หรูหราและเป็นส่วนตัวในใจกลางของดาร์ลิงเฮิร์สท์ ซึ่งอยู่ติดกับย่านร้านอาหารและสถานบันเทิงยามราตรีของซิดนีย์ โรงแรม Kirketon โดดเด่นด้วยสไตล์และมีความภาคภูมิใจในเรื่องบริการ โดยมีพนักงานรูมเซอร์วิสที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของคุณตลอด 24 ชั่วโมง

6. The Screen Hotel เกียวโต ญี่ปุ่น

โรงแรม The Screen ให้บริการห้องพัก 13 ห้อง ซึ่งมีดีไซน์แตกต่างกัน 13 แบบ โดยผสมผสานสไตล์เรียวคังของญี่ปุ่นดั้งเดิมกับแนวคิดมินิมัลลิสต์ที่ทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน และในฐานะที่เป็นหนึ่งในโรงแรมบูติคแห่งแรกๆ ของเกียวโต จึงมีห้องพักที่ปูด้วยเสื่อทาทามิและกั้นด้วยโชจิไว้บริการหลายห้อง พร้อมด้วยห้องอื่นๆ ที่ตกแต่งในแนวตะวันตก ด้วยความมีสไตล์และความเอาใจใส่จนถึงรายละเอียด ทำให้โรงแรมแห่งนี้เหมาะจะใช้เป็นสถานที่สำหรับสัมผัสกับประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน ก็ดื่มด่ำกับความสะดวกสบายแบบตะวันตกไปพร้อมๆ กัน นอกเหนือจากนั้น ฝ่ายบริหารของโรงแรม The Screen ยังได้จัดเตรียมโทรทัศน์จอแบน เครื่องเสียง Bose เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่ในห้องสวีทบางห้อง และอาหารสไตล์ตะวันตกไว้อย่างพร้อมสรรพ เพื่อมอบความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าจากทุกประเทศ

7. The Majestic มะละกา มาเลเซีย

The Majestic คือ โรงแรมบูติคสไตล์โคโลเนียล ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมะละกา ในใจกลางมาเลเซีย โดยเป็นผู้ชนะรางวัล Hospitality Asia Platinum Award ในสาขา SE Asia’s Best Signature Boutique Hotel for 2008-2010 Regional Series ให้บริการห้องพักที่ตกแต่งอย่างสวยงาม 54 ห้อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานวัฒนธรรมที่หลากหลายของมาเลเซียในอดีต นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมสไตล์เพอร์นากัน-ไชนีสที่แต่งแต้มด้วยกลิ่นอายของดัตช์ อังกฤษ และโปรตุเกสยังช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองและโอ่อ่า ห้องพักอันหรูหรา พร้อมด้วยพื้นพอร์ซเลน ขอบไม้สัก เฟอร์นิเจอร์หนัง อ่างอาบน้ำ เตียงสี่เสา และงานศิลปะอันวิจิตรกำลังรอแขกผู้เข้าพักอยู่ ณ ดินแดนมหัศจรรย์ของ The Majestic

8. JIA Shanghai Hotel เซี่ยงไฮ้ จีน

โรงแรมแห่งที่สองของ JIA มีความน่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้โรงแรมแห่งแรกที่เปิดในฮ่องกง และยังคงยึดแนวคิดดั้งเดิมของ Yenn Wong ในการสร้างสรรโรงแรมบูติคที่น่าสนใจ มีความหลากหลาย และมากประโยชน์ใช้สอย โรงแรมที่เคยได้รับรางวัลแห่งนี้ได้รับการปรับโฉมมาจากอาคารสไตล์ยุโรปในยุค 1920 ในใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ให้บริการห้องพักอันเก๋ไก๋และมีสีสันสดใส โดยออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว คำว่า JIA ในภาษาจีนแมนดารินมีความหมายว่า “บ้าน” และแน่นอนว่าโรงแรมบูติค JIA Shanghai ประสบความสำเร็จในการสร้างบรรยากาศดังกล่าว เพียงแต่ว่าบ้านหลังนี้ออกจะเป็นสถานที่ๆ มีเสน่ห์อยู่อย่างมหาศาล

9. The Elysian Boutique Villa Hotel บาหลี อินโดนีเซีย

โรงแรมแห่งนี้มีบ้านพักส่วนตัวหรูหรา 26 หลังริมสระน้ำไว้คอยบริการแก่ลูกค้าทั้งในระยะยาวและระยะสั้น ตั้งอยู่ในสวรรค์เขตร้อนอย่าง เกาะบาหลีและเป็นโรงแรมบูติค “สไตล์รีสอร์ท” เพียงแห่งเดียวในรายชื่อของเรา โดยมีการออกแบบที่ถือว่าเป็น “เอเชียยุคใหม่” พร้อมดีไซน์แบบเปิดโล่ง บ้านพักแต่ละหลังตกแต่งด้วยไม้สักและหินจากภูเขาไฟ รวมทั้งมีสวนเป็นของตนเอง นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ระบบเครื่องเสียง Bose และไอพ็อด นาโนในบ้านพักทุกหลัง พร้อมด้วยมินิบาร์ที่บรรจุไว้ด้วยแชมเปญกับเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ซึ่งช่วยทำให้ที่นี่แตกแต่งจากโรงแรมแห่งอื่นๆ ในบาหลี Elysian คือ อีกหนึ่งคำที่มีความหมายว่า สวรรค์ และ The Elysian Boutique Villa ก็เป็นดั่งที่ชื่อได้บ่งบอกไว้

10. Amanjaya Pancam Hotel กรุงพนมเปญ กัมพูชา

โรงแรมหรู Amanjaya Pancam เป็นตัวเลือกชั้นยอดสำหรับผู้ที่เดินทางมายังเมืองหลวงของกัมพูชา สร้างขึ้นจากอาคารเก่าริมน้ำซึ่งมีกลิ่นอายของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ใน Sisowath Quay ติดกับวัดอุณาโลมในใจกลางกรุงพนมเปญ ให้บริการห้องพักที่มีขนาดกว้างขวางพร้อมเตียงขนาดคิงไซส์ โดยได้รับการตกแต่งอย่างอลังการในสไตล์เขมร นอกจากนี้ ทุกห้องยังมีอ่างอาบน้ำแยกต่างหากและตู้อาบน้ำ การเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวของพนมเปญ เช่น เจดีย์เงินและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ได้อย่างสะดวกมีส่วนช่วยให้เราเลือกโรงแรมแห่งนี้เข้ามาอยู่ในท็อปเท็น