บรรดานักโต้คลื่นมืออาชีพและเหล่าผู้คลั่งไคล้ในคลื่นยักษ์อาจจะไม่พิศมัยนักกับการเดินทางมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าคลื่นลูกใหญ่ในแถบนี้ไม่ได้พบเจอกันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในถิ่นสยามบ้านเราหรือในเวียดนาม แต่ต้องขอยกเว้นอินโดนีเซียไว้สักหนึ่งประเทศ
แม้ว่าคลื่นตามชายหาดส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเอาแน่เอานอนอะไรไม่ค่อยได้ แต่สำหรับแดนอิเหนาแล้ว รับประกันเลยว่าคุณจะได้มันส์สุดเหวี่ยงไปกับคลื่นลูกยักษ์หลายร้อยลูก อซึ่งทำให้ที่นี่มีชื่อติดอยู่ในท็อปเท็น แหล่งโต้คลื่นยอดนิยมจากทั่วโลก นักเซิร์ฟบอร์ดชื่อดังต่างมุ่งหน้ามายังอินโดนีเซีย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่คูต้า บาหลี และหมู่เกาะเมนตาไว) เพื่อสัมผัสกับคลื่นที่ว่ากันว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยมีความสูงถึง 4 เมตรในช่วงระหว่างเดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน และพบเห็นได้บ่อยๆ บริเวณเกาะบาหลี
แต่หากต้องการอะไรที่เร้าใจยิ่งกว่านี้ เราก็ขอแนะนำให้ไปที่จี-แลนด์ หรือกราจากันในเกาะชวาตะวันออก ซึ่งเป็นแหล่งโต้คลื่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้ที่อยากลองขึ้นไปวาดลวดลายการเซิร์ฟบนคลื่นหัวแตกที่ยาวและเร็วที่สุดในโลก งานนี้รับรองว่าคนที่ชื่นชอบคลื่นที่ซัดจากขวาไปซ้ายจะไม่ผิดหวัง อีกหนึ่งสถานที่ๆ ไม่ควรพลาด คือ ปาดังปาดังที่มีคลื่นซัดสาดเข้ามาจากเกือบทุกทิศทาง จนเกิดเป็นคลื่นนอกชายฝั่ง โดยช่วงเวลาที่เหมาะแก่การไปเยือน คือ มีนาคมจนถึงตุลาคม แต่ถ้าอยากเจอคลื่นลูกใหญ่ ก็ต้องมาในช่วงเดือนมิถุนายน-เดือนกันยายน
ช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา นักโต้คลื่นเริ่มหันมาให้ความสนใจในประเทศอย่างฟิลิปปินส์และศรีลังกาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งสองประเทศนี้ยังเป็นน้องใหม่ในวงการ รวมถึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก การเดินทางจึงต้องใช้ความอดทนและเวลาอยู่มากพอสมควร แต่เอาเป็นว่า หากจุดหมายปลายทางที่เลือก คือ ฟิลิปปินส์ คุณก็ต้องไปที่เกาะ บาร์ดิคทางตะวันออกเฉียงเหนือของลูซอนในระหว่างเดือนตุลาคมถึงมีนาคม เพราะช่วงนั้นไต้ฝุ่นประจำฤดูจะพัดผ่านทำให้คลื่นมีความสูงกว่า 3 เมตร
ขณะที่ศรีลังกา ซึ่งมีชายฝั่งทอดยาวกว่า 1,000 กิโลเมตร นับได้ว่าเป็นขุมทรัพย์ของชาวประชานักโต้คลื่น เนื่องจากอุดมไปด้วยแหล่งเซิร์ฟวิ่งชั้นยอดมากมาย เช่น มาทารา (แปลว่าจุดลับ) บริเวณชายฝั่งด้านใต้ที่มีคลื่นขนาบข้างมาจากทั้งฝั่งซ้ายและขวา เหมาะจะเป็นสถานที่ฝึกหัดสำหรับนักโต้คลื่นฝีมือระดับปานกลาง นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมีอ่าวอารูกัมทางตะวันออกเฉียงใต้ที่มาพร้อมกับคลื่นยักษ์ในยามรุ่งสาง รวมทั้งมีคลื่นยาวที่พัดจากซ้ายไปขวาให้ได้สนุกกันอย่างต่อเนื่อง แค่นี้คงพอจะคุ้มค่ากับการเสียเวลาเดินทาง 9 ชั่วโมงมาจากสนามบินที่ใกล้ที่สุด
ส่วนมือใหม่ทั้งหลายที่เกรงว่าจะได้รับอันตรายจากคลื่นยักษ์ ก็อาจจะเลือกไปโต้คลื่นที่มาเลเซีย หรือไม่ก็ที่เมืองไทยเรานี่ล่ะในช่วงฤดูมรสุม ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ซึ่งช่วงนั้นคลื่นจะมีความสูงราว 2 เมตร ชายหาดยอดนิยมก็คงหนีไม่พ้นหาดกะตะใหญ่ หาดกะตะน้อย และหาดป่าตองในภูเก็ต โดยหาดเหล่านี้มีชุมชนคนรักการโต้คลื่นที่พร้อมจะผลักดันให้แดนสยามเมืองยิ้มของเราเป็นแหล่งโต้คลื่นชื่อดังในอนาคต
นอกเหนือจากชายหาดอันสวยงาม สภาพอากาศสดชื่น และคลื่นที่ซัดสาดแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้น่าดึงดูดใจ คือ สถานที่พักราคาประหยัดมากมายหลายแห่ง ซึ่งการันตีได้เลยว่าจะไม่สร้างความลำบากให้แก่เงินในกระเป๋าของคุณอย่างแน่นอน
Filed under: Uncategorized | Tagged: โต้คลื่น | Leave a comment »