โรงแรมชมวิวสวยๆ ในกรุงเทพ

พอดีอ่านเจอข่าวที่น่าดีใจสำหรับชาวไทย ว่ากรุงเทพมหานครได้รับคัดเลือกให้เป็นเมืองที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก ปี 2551 ขออนุญาตคัดลอกมาลงในบล็อกนะคะ

บริษัท อโกด้า เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการจองห้องพักในโรงแรมทั่วโลกราคาพิเศษแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์  www.agoda.co.th ร่วมยินดีกับความสำเร็จของกรุงเทพมหานคร ที่ได้ชื่อว่าเมืองสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวจนได้รับการยอมรับจากผู้อ่านนิตยสาร Travel and Leisure ว่าเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกประจำปี 2551 หรือ World’s Best City 2008 อโกด้า ในฐานะบริษัทผู้ให้บริการจองห้องพักในโรงแรมราคาพิเศษและ มีโรงแรมพันธมิตรในกรุงเทพมหานครถึง 300 โรงแรม ได้ทำการสำรวจและนำเสนอ 10 สุดยอดโรงแรมในกรุงเทพมหานครที่นักท่องเที่ยวสามารถชมทัศนียภาพและความงดงามของกรุงเทพฯ ในมุมที่แตกต่างไป อโกด้าเชื่อว่า รางวัลดังกล่าวจะยิ่งช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งใหม่และเก่าให้กลับมาเยือนเมืองสวรรค์แห่งเอเชียแห่งนี้อีกแน่นอน

นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงเทพฯ ในวันนี้ จะสัมผัสได้ถึงความเจริญอย่างรวดเร็วในทุกๆ ด้านตลอดจน สิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งถนนหนทางตรอกซอกซอยที่เชื่อมถึงกันเพื่อการเดินทางที่สะดวกยิ่งขึ้น อาคารสูงใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย รถไฟฟ้า รถใต้ดิน ทางด่วน และแหล่งชอปปิ้งใหม่ๆ  ระดับเวิร์ลคลาส ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่ยังคงมีเสน่ห์ รวมทั้ง ความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วกรุงเทพที่สามารถสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวอยู่เสมอ 

นายไมเคิล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดของ อโกด้า กล่าวว่า “กรุงเทพเป็นเมืองที่เต็มด้วยชีวิตชีวาและความสวยงาม และยังเป็นเมืองที่ผสมผสานแง่มุมต่างๆ เพื่อการท่องเที่ยวไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารรสเลิศ แหล่งชอปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทั้งหมดล้วนหาได้รอบเมืองกรุงเทพทั้งแบบที่คงความเป็นไทยร่วมสมัยหรือมีความทันสมัยสูงสุด  แม่น้ำเจ้าพระยาที่ทอดยาวโดยมีวัดวาอารามเก่าแก่ตลอดสองริมฝั่งตัดกับเส้นขอบฟ้าเป็นทัศนียภาพที่งดงามและโดดเด่นเฉพาะที่จะหาได้จากกรุงเทพมหานครเท่านั้น โรงแรมในกรุงเทพมหานครมากมายหลายแห่งตั้งอยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นความงดงาม ในมุมต่างๆ ของกรุงเทพฯ โดยมี ร้านอาหาร ผับบาร์บนชั้นดาดฟ้า หรือบางแห่งก็จัดให้มีจุดชมวิวไว้โดยเฉพาะ ซึ่งผู้ที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ สามารถหาความรื่นรมย์ต่างๆ เช่นนี้ได้ทุกวัน ผมเชื่อว่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ยังไม่เคยมาสัมผัสการท่องเที่ยวที่น่าอัศจรรย์ในกรุงเทพฯ  จะต้องให้ความสนใจและวางแผนให้กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางต่อไปของพวกเค้าอย่างแน่นอน ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่ากรุงเทพสมควรแล้วที่จะได้รับรางวัลนี้”

บริษัท อโกด้า เซอร์วิสเซส จำกัด มีความเชี่ยวชาญในตลาดโรงแรมในเอเชียและมีโรงแรมพันธมิตรในกรุงเทพฯ ถึงกว่า 300 โรงแรม  ในโอกาสที่กรุงเทพมหานครได้รับรางวัล World’s Best City 2008 อโกด้าจึงขอร่วมส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครซึ่งได้ชื่อว่าเมืองสวรรค์ของเอเชียด้วยการสำรวจโรงแรม 10 แห่งที่นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำความงดงามของกรุงเทพฯ ทั้งในใจกลางเมืองและริมฝั่งแม่น้ำ ดังนี้ 

10 รายชื่อโรงแรมที่สามารถชมทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ได้สวยที่สุด

1. โรงแรมเลอบัว แอท สเตท ทาวเวอร์

ร้านอาหารซีรอคโค (Sirocco) ตั้งอยู่บนชั้น 63 ของเดอะโดม โรงแรม เลอบัว แอท สเตท  ทาวเวอร์ เป็นร้านอาหารกลางแจ้งที่สูงที่สุดในโลก และยังเป็นร้านอาหารที่ติดอันดับสุดยอดร้านอาหารในกรุงเทพฯ ที่ไม่ควรพลาดไปลิ้มลองและดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนที่งดงามมากที่สุด ซีรอคโค ซึ่งได้รับรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยม มอบทัศนียภาพอันน่าทึ่งของใจกลางกรุงเทพมหานครและฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในเวลาเดียวกัน  

2. โรงแรมบันยัน ทรี

ร้านอาหาร Vertigo Grill & Moon Bar ตั้งอยู่ที่ชั้น 61 เป็นหนึ่งในร้านอาหารสำหรับมื้อค่ำในกรุงเทพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดบนชั้นสูงสุดของโรงแรมบันยันทรี แขกของโรงแรมจะได้สัมผัสกับวิวของกรุงเทพมหานครได้กว้างไกลแบบพาโนรามา เพียงแค่ขึ้นไปดื่มด่ำภาพพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้า พร้อมกับแสงสีของกรุงเทพฯ ที่ค่อยๆ เปล่งประกายต้อนรับ ยามราตรีก็มอบความอิ่มเอมใจอย่างไม่รู้ลืมโดยที่ยังไม่ได้ลิ้มลองเมนูรสเลิศด้วยซ้ำ

3. โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิร์ล – ร้านอาหาร Fifty Five ตั้งอยู่บนชั้น 54 และ 55 ของโรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ โรงแรมแห่งใหม่ย่านใจกลางกรุงเทพฯ เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการชมวิวทิวทัศน์ของเมืองกรุงเทพฯ อันน่าทึ่ง และลิ้มลองอาหารไทยเลิศรส  และยังมี Red Sky ร้านอาหารขนาดเล็กสไตล์ bistro ที่ตั้งอยู่กลางแจ้งบนชั้น 55 ของโรงแรมก็มอบวิวที่งดงามและบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติไม่แพ้กัน 

4. โรงแรมดุสิตธานี – ร้านอาหารฝรั่งเศส D’Sens ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรมดุสิตธานี ด้วยผนังกระจกขนาดใหญ่ที่เผยให้เห็นทัศนียภาพของสวนลุมพินี สวนสาธารณะเก่าแก่ของกรุงเทพมหานครและความมีชีวิตชีวาของผู้คนที่สัญจรไปมาในย่านสีลมที่นับเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพ

5. โรงแรมแลนด์มาร์ก – ร้านอาหาร RR & B Bar เป็นร้านอาหารในสไตล์ของสเต็กเฮาส์และบาร์ ตั้งอยู่บนชั้น 31 ของโรงแรมแลนด์มาร์กซึ่งมอบทัศนียภาพของเมืองกรุงเทพที่น่าประทับใจไปพร้อมกับเมนูปิ้งย่างที่รสเลิศที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ

6. โรงแรมเวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท – Horizon Sky Lounge and Karaoke ที่ให้คุณได้เลือกเพลิดเพลินหลังมื้อเย็นด้วยเมนูเครื่องดื่มหลากหลาย เคล้าเสียงเพลงไพเราะ หรือจะสนุกสนานกับการร้องเพลงกับเพือนฝูงหรือครอบครัวที่ห้องคาราโอเกะพร้อมดื่มด่ำวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพยามราตรีได้กว้างไกลเช่นกัน 

7. โรงแรมใบหยก สกาย –สูงที่สุดในประเทศไทยมีร้านอาหารบนชั้นสูงของโรงแรมถึง 3 แห่งให้เลือกไปเยี่ยมเยือนเพื่อลิ้มรสอาหารในรูปแบบต่างๆ และชมวิวจากมุมที่สูงสุดของกรุงเทพฯ  ได้แก่ ร้านอาหาร  Bangkok Sky Restaurant บนชั้น 76 และ 78  ร้านอาหาร Crystal Grill บนชั้น 82 และ Roof Top Bar & Music บนชั้น 83 ซึ่งนับเป็นสถานบันเทิงที่สูงที่สุดในประเทศไทย

8. โรงแรมโอเรียลเต็ล – The Verandah ณ โรงแรมโอเรียลเต็ล ร้านอาหารที่ทอดตัวเรียบริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะอย่างยิ่งกับการดื่มด่ำบรรยากาศของกรุงเทพฝั่งแม่น้ำทั้งมื้อเช้า กลางวัน และเย็น  ร้านอาหาร Verandah ให้บริการอาหารตะวันตกและตะวันออกในบรรยากาศไทยๆ เป็นอีกแห่งหนึ่งที่น่าไปสัมผัสอีกมุมของกรุงเทพพร้อมรับบริการระดับห้าดาวจากโรงแรมที่ได้รับการจัดอันดับที่ 14 จาก สุดยอด 500 โรงแรมที่ดีที่สุดจากนิตยสาร Travel and Leisure อีกด้วย 

9. โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ

ทรี ซิกตี้ เล้าจ์ (Three Sixty Lounge) ตั้งอยู่บนชั้น 32 ของโรงแรม บริเวณเล้าจ์ได้รับการออกแบบให้แขกที่ใช้บริการได้สัมผัสความโล่งโปร่งสบายของผนังกระจกที่ทำให้สามารถมองเห็นวิวของเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพในมุมกว้างสุดสายตาพร้อมบรรยากาศโรแมนติกด้วยการจิบคอกเทลเคล้าดนตรีแจ๊ซเบาๆ

10. โรงแรมเพนนินซูล่า – ร้านอาหาร ทิพย์ธารา (Thiptara Restaurant) ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สวรรค์บนน้ำ” เนื่องจากทอดตัวอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและโอบล้อมร่มรื่นไปด้วยต้นไทรขนาดใหญ่ ร้านอาหารใหม่ของโรงแรมเพนนินซูล่าแห่งนี้ ให้บริการอาหารไทยในรูปแบบและรสชาติแบบคนไทย โดยร้านอาหารได้รับการออกแบบที่สะท้อนความเป็นไทยได้ชัดเจนด้วยกลุ่มเรือนไทยไม้สักในบรรยากาศกลางแจ้ง โรงแรมเพนนินซุล่า ยังได้รับการจัดอันดับที่ 17 จากสุดยอด 500 โรงแรมที่ดีที่สุดจากนิตยสาร Travel and Leisure

ประเพณีแต่งงานแปลกๆ ทั่วโลก (รวบยอดทุกตอน)

เอาล่ะๆ ตอนแรกว่าจะเขียนทีละตอน แต่เปลี่ยนใจแระ มีเรื่องอื่นต่อคิวอยากเขียนอีกมากมาย วันนี้จะขยันอัพเรื่องนี้ม้วนเดียวจบไปเลย มีเรื่องแปลกๆ จาก แอฟริกา สก็อตแลนด์ จีน อินเดีย และฟิจิ

แอฟริกา

บางหมู่บ้านในแอฟริกา หญิงสูงอายุจะอยู่กับคู่สามี-ภรรยาข้าวใหม่ปลามันในห้องนอนระหว่างคืนแรกของ การแต่งงาน โดยในหมู่บ้านเหล่านี้ พวกเขาคาดกันว่าผู้หญิงจะต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนกระทั่งถึงคืนวันแต่ง หญิงสูงอายุจะเป็นคนคอยชี้แนะเจ้าสาวว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ความสุขกับสามีของเธอ ถ้าเจ้าสาวดูจะมีประสบการณ์ในด้านนี้มาบ้าง หญิงสูงอายุก็สามารถไปโพนทะนาให้คนในหมู่บ้านฟังได้ว่า ที่จริงแล้วเจ้าสาวไม่บริสุทธิ์และการแต่งงานก็จะถือเป็นโมฆะ ปกติแล้ว หญิงสูงอายุเหล่านี้มักจะเป็นคนในหมู่บ้าน แต่บางครั้งก็อาจเป็นแม่เจ้าสาว หรือแม้แต่แม่เจ้าบ่าวก็ได้

สก็อตแลนด์

ระหว่างงานประเพณี “Blackening the Bride” ในสก็อตแลนด์ เพื่อนและครอบครัวของคู่แต่งงานจะลักพาตัวเจ้าสาวมาและละเลงเธอด้วยสิ่งที่เหม็น เหนียว และไม่น่าพิสมัยที่สุดเท่าที่พวกเขาจะหาได้ ว่ากันว่า ตามตัวของเจ้าสาวจะถูกอาบไปด้วยส่วนผสมของไข่ ซอสเหม็นนานาชนิด เนย เนยแข็ง ซอสแครนเบอร์รี่ ก๋วยเตี๋ยว ปลา เยลลี่ ไส้กรอก และแครอท โดยปกติแล้ว การละเลงนี้จะอยู่ที่กลุ่มเพื่อนๆและครอบครัวว่าอยากให้เจ้าสาวออกมาเละแค่ไหน หลังจากเหม็นได้ที่แล้ว พวกเขาก็จะพาเธอตระเวณไปตามผับและบาร์ทั่วเมืองเพื่อให้ทุกคนได้ชื่นชม งานนี้ขอบอกว่าเจ้าบ่าวรอดตัว ขณะที่คู่หมั้นของเขาต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากทั่วร่างกาย ก่อนที่จะได้สวมชุดขาวสวยใสในวันแต่งงาน

จีน

หลายๆ คนร้องไห้ในงานแต่งงาน และมีอีกหลายคนร้องไห้ระหว่างเตรียมจัดงานแต่ง แต่สำหรับเจ้าสาวและครอบครัวของชนชาติถู่เจียในจีน พวกเขาเต็มใจที่จะร้องไห้เพราะนี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมประเพณี โดยช่วงหนึ่งเดือนก่อนแต่งงาน เจ้าสาวจะเริ่มปฏิบัติตามธรรมเนียมดังกล่าวและร้องไห้เป็นเวลาราวหนึ่งชั่วโมง สิบวันต่อมา แม่เจ้าสาวก็จะมาร่วมแจมด้วย แล้วจากนั้นอีกสิบวัน คุณยาย น้องสาว/พี่สาว และคุณป้า/น้า ก็จะพาเหรดกันมาสละน้ำตา ธรรมเนียมประเพณีนี้รู้จักกันในชื่อ “Crying Marriage Song” โดยเจ้าสาวจะร้องไห้คร่ำครวญด้วยโทนเสียงต่างๆกัน และมีวัตถุประสงค์เพื่อฉลองช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านคราบน้ำตา แต่ดูท่าว่าสำหรับผู้ชายแล้ว พวกเขาน่าจะร้องไห้หลังแต่งงานซะมากกว่า

อินเดีย

ในอินเดีย กล่าวกันว่า Manglik Dosh (ผู้หญิงที่เกิดในช่วงที่พระอังคารและพระเสาร์อยู่ใต้ทิศเจ็ดนาฬิกา) เป็นสาวต้องคำสาปและมีดวงกินสามี ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าว สาว Manglik Dosh จึงต้องแต่งงานกับต้นไม้ แจกัน หรือวัตถุอื่นๆก่อนที่จะเข้าพิธีกับเจ้าบ่าวตัวจริง นี่จะช่วยให้สามีของพวกเธอแคล้วคลาดจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร มีข่าวลือว่านักแสดงสาวสวยชาวอินเดีย Aishwariya Rai แต่งงานกับต้นไม้ก่อนที่จะทำพิธีสมรสจริงกับดาราฮอลลีวู้ดชื่อดัง Abhishek Bachchan

ฟิจิ

พ่อตาบางคนก็ช่างเรียกร้องมากเสียเหลือเกิน อย่างเช่นที่ฟิจิ นอกเหนือจากที่เจ้าบ่าวต้องสู่ขอเจ้าสาวจากพ่อตาแล้ว พวกเขายังต้องมีของขวัญไปให้แก่พ่อภรรยาในอนาคตอีกด้วย บอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่สินเดิม นาฬิกาหรูๆ หรือโทรทัศน์เครื่องใหม่ แต่เป็นฟันของปลาวาฬซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของสถานะและความมั่งคั่ง ถ้าคุณพ่อตาตกลงยกลูกสาวให้ เจ้าบ่าวก็จะต้องจัดงานเลี้ยงอาหารโอชาอย่างมโหฬารให้แก่ญาติๆฝ่ายหญิง จากนั้น ก่อนการแต่งงาน เจ้าสาวก็จะไปทำการสักเพื่อเพิ่มความสวยงาม สรุปแล้วพิธีการหมั้นจนถึงก่อนงานวันแต่งของชาวฟิจิ ประกอบไปด้วย ฝ่ายชายคุยกับพ่อฝ่ายหญิง เสร็จแล้วก็ไปหาฟันของปลาวาฬมามอบให้พ่อตาเป็นของขวัญ จากนั้น จัดงานเลี้ยงใหญ่ให้กับญาติเจ้าสาว ปิดท้ายด้วยการพาคู่ตุนาหงันไปร้านสักเพื่อเพิ่มความงดงามให้แก่เธอ